วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายนิรันต์ ศรีวิไล สหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียง
ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี นายอุดม พร้อมประเสริฐ ประธานกรรมการ นางกัลยารัตน์ เทพเลื่อน ผู้จัดการ และสมาชิกสหกรณ์ ให้การต้อนรับ พร้อมเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของสมาชิกสหกรณ์ นายธำรง ใจงาม สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด กลุ่ม 13 บ้านท่าเพชร ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกอบอาชีพทำสวนปาล์มน้ำมันและปลูกผัก ได้กู้เงินสหกรณ์ฯ เพื่อประกอบอาชีพ เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา ทางครอบครัวสนใจในการปลูกผักสลัดเพื่อไว้บริโภคในครัวเรือน เพียง 1 กะบะ หลังจากนั้นขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง ผักสลัดเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพียงพอสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวได้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด และชุมชน
จากนั้น อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมแปลงเกษตรผสมผสาน ของนายนิวิทย์ สุวรรณรัตน์ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด กลุ่ม 13 บ้านท่าเพชร วัตถุประสงค์ในการเป็นสมาชิกครั้งแรกคือ ต้องการเงินทุนในการปลูกปาล์มน้ำมัน เมื่อปาล์มน้ำมันได้รับผลผลิต มีโอกาสได้ศึกษาดูงานกับสหกรณ์ฯ ตามโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายครั้ง เลยตัดสินใจล้มปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 7 ไร่ เพื่อขุดบ่อเลี้ยงปลาและปลูกผัก ครั้งแรกปลูกเสาวรส และเปลี่ยนจากเสาวรส มาเป็นพริกไทย ปลูกเสริมด้วยฝรั่งกิมจู และในคูน้ำร่องสวนเลี้ยงหอยขม ซึ่งรายได้จากสวนปาล์มน้ำมันส่งชำระหนี้สหกรณ์ ส่วนแปลง 7 ไร่ ทำไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของสหกรณ์และของชุมชน เป็นแหล่งให้ความรู้แก่ บุคคลและหน่วยงานที่มีความสนใจ และนำไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพต่อไป
จากนั้น เดินทางไปเยี่ยมชมฟาร์มแพะของนายสมบูรณ์ ปานนก สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด กลุ่ม 20 บ้านน้ำทรัพย์ ประกอบอาชีพทำสวนผัก และรับจ้างโรงงานยางพารา ต่อมาขอกู้เงินจากสหกรณ์ฯ เพื่อลงทุนในการเลี้ยงวัว โดยในครั้งแรกเริ่มเลี้ยง 2 ตัวไว้ข้างบ้าน ต่อมาวัวออกลูกเพิ่มขึ้น ขายมูลวัวเพื่อเป็นปุ๋ยคอก เลยมองเห็นช่องทางรายได้ และได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์เพื่อนำไปซื้อที่ดินขยายพื้นที่เลี้ยงวัว ขณะนี้มีวัว 20 ตัว มีแพะ มีแกะ เพื่อจะขายมูล
“สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในวันนี้ เป็นการตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด ที่ได้ทำเรื่องการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้สมาชิก พบว่าที่สหกรณ์แห่งนี้มีการส่งเสริมอาชีพที่หลากหลาย ซึ่งทางภาคใต้ มีความต้องการในเรื่องของผักต่อนข้างมาก เนื้อที่ของสมาชิกแค่ไม่กี่งานก็ สามารถสร้างรายได้ให้ อย่างน้อย 15,000 - 20,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ดี นอกจากเรื่องผัก แล้ว สมาชิกมีมีผลผลิตสวนปาล์ม มีรายได้เพิ่ม สมาชิกของสหกรณ์มีการปรับเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาทำการเกษตรผสมผสาน ทั้งปลูกพริกไทย ฝรั่ง เลี้ยงปลา ทำให้มีรายได้รายวัน รายเดือน และรายปี และยังมีการเลี้ยงแพะ วัว อีกด้วย นอกจากนี้ เรื่องการทำให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งนั้น สมาชิกของสหกรณ์ ต้องใช้บริการของสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจให้บริการ ธุรกิจแปรรูปผลผลิต ซึ่งได้ตั้งเป้าไว้ว่า ในสหกรณ์หนึ่งแห่ง ควรมีสมาชิกมาทำธุรกิจกับสหกรณ์ อย่างน้อยร้อยละ 60 ขึ้นไป ถ้าให้ดียิ่งกว่านั้นในระดับชั้น 1 ประมาณ 80% ขึ้นไป ซึ่งจากการที่สมาชิกมาทำธุรกิจกับสหกรณ์ ไม่ว่าจะฝากเงิน การกู้เงินไปทำธุรกิจ กำไรส่วนหนึ่งเก็บสะสมไว้ และสหกรณ์นำบริหารงานในลักษณะที่อัตราส่วนทางการเงินที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่างๆ ถ้ามีอัตราที่เหมาะสม มีการควบคุมภายในที่ดี เรื่องรับจ่ายเงินต่างๆ ก็จะทำให้สหกรณ์ไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริต ไม่มีเรื่องข้อบกพร่อง สหกรณ์มีความเข้มแข็ง ซึ่งคือนโยบายของกรมฯ และถ้าหากสหกรณ์มีความต้องการเรื่องเงินทุน ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์มีเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์อัตราดอกเบี้ยต่ำให้สหกรณ์กู้ยืมไปส่งเสริมอาชีพสมาชิก ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 นำไปต่อยอดในธุรกิจต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิก ทำให้ชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป” นายวิศิษฐ์กล่าว
#ข่าว : กรมส่งเสริมสหกรณ์
#ภาพ : ฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี